Posted in

พื้น PU กับ Epoxy ต่างกันอย่างไร

พื้น PU กับ Epoxy ต่างกันอย่างไร

เวลาที่เราจะเลือกทำพื้นโรงงาน พื้นอุตสาหกรรม หรือแม้แต่พื้นบ้าน-ร้านค้า หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า พื้น Epoxy และ พื้น PU (Polyurethane) อยู่บ่อย ๆ คำถามที่ตามมาก็คือ สองอย่างนี้ต่างกันอย่างไร แล้วควรเลือกแบบไหนถึงจะเหมาะกับงานของเรา?
บทความนี้จะอธิบายง่าย ๆ แบบไม่ใช้ศัพท์วิชาการเยอะ เพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจและตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ

1. Epoxy คืออะไร?

Epoxy เป็นสารเคลือบพื้นชนิดหนึ่งที่ทำจากเรซิ่นและสารแข็งตัว (Hardener) เมื่อนำมาผสมและทาลงบนพื้นคอนกรีต มันจะเกิดการแข็งตัวกลายเป็นชั้นเคลือบที่มีความเงา เรียบ และแข็งแรง
คุณสมบัติหลักของ Epoxy คือ

  • พื้นผิว เรียบมันเงา ดูสวยงาม

  • ทนต่อสารเคมี ได้ดี เช่น น้ำมัน จาระบี

  • ทำความสะอาดง่าย ไม่เก็บฝุ่น

  • ราคาไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับ PU

Epoxy จึงเป็นที่นิยมในโรงงานทั่วไป โกดังเก็บสินค้า หรือพื้นที่ที่ต้องการพื้นดูสะอาดตา มีความเงางาม

2. PU (Polyurethane) คืออะไร?

PU หรือ Polyurethane เป็นวัสดุเคลือบพื้นอีกชนิดหนึ่งที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้จุดอ่อนบางอย่างของ Epoxy โดยเฉพาะเรื่องการทนความร้อน และการขยายตัว-หดตัวของพื้นผิว
คุณสมบัติหลักของ PU คือ

  • ทนความร้อน ได้ดีกว่า Epoxy (สูงถึงประมาณ 120°C ขึ้นไป)

  • ทนต่อแรงกระแทกและรอยขีดข่วน ได้มากกว่า

  • ยืดหยุ่นกว่า Epoxy ไม่แตกง่าย

  • เหมาะกับพื้นที่ที่มี อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หรือมีการล้างด้วยน้ำร้อน-น้ำเย็น

ดังนั้น พื้นพียู มักถูกเลือกใช้ในโรงงานอาหาร โรงงานยา ห้องเย็น หรือพื้นที่ที่ต้องการมาตรฐานสุขอนามัยสูง

พื้น PU กับ Epoxy ต่างกันอย่างไร

3. ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด

หัวข้อ อีพ็อกซี่ พียู (โพลียูรีเทน)
ความแข็งแรง แข็งแต่เปราะ แข็งแรง + ยืดหยุ่น
ทนความร้อน ปานกลาง (ประมาณ 70°C) สูง (120°C ขึ้นไป)
ทนสารเคมี ดี แต่แพ้กรดแรง ดีกว่า ทนกรด-ด่างได้
อายุการใช้งาน 3–5 ปี โดยเฉลี่ย 5–8 ปี ขึ้นไป
ราคา ถูกกว่า แพงกว่า
การใช้งานเหมาะสม พื้นโรงงานทั่วไป โกดัง โรงงานอาหาร ห้องเย็น พื้นที่อุณหภูมิสูง

4. ข้อดี–ข้อเสียของแต่ละแบบ

อีพ็อกซี่

ข้อดี

  • เงางาม สวย ดูทันสมัย

  • ทำความสะอาดง่าย

  • ราคาประหยัด

  • ติดตั้งง่ายและไว

ข้อเสีย

  • ไม่ทนต่อความร้อนสูง

  • แตกเปราะหากเจอแรงกระแทกบ่อย ๆ

  • ไม่เหมาะกับพื้นที่เปียกชื้นมาก ๆ

สามารถ

ข้อดี

  • ทนความร้อนสูง

  • ทนกรด-ด่าง และสารเคมีรุนแรงได้ดีกว่า

  • ยืดหยุ่น ไม่แตกง่าย

  • เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการมาตรฐานสุขอนามัย

ข้อเสีย

  • ราคาสูงกว่า Epoxy

  • สีไม่เงางามเท่า Epoxy

  • ใช้เวลาติดตั้งนานกว่า

5. เลือกพื้นแบบไหนดี?

การเลือกพื้น พียู หรือ Epoxy ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าพื้นไหน “ดีกว่า” แต่ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเอาไปใช้ทำอะไร

  • ถ้าต้องการพื้น สวย เงางาม ประหยัดEpoxy

  • ถ้าต้องการพื้น ทนทาน ยืดหยุ่น ใช้ในงานเฉพาะด้าน เช่น โรงงานอาหาร ห้องเย็น → PU

พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าจะใช้ในงานทั่วไป Epoxy ก็ตอบโจทย์เพียงพอ
แต่ถ้าพื้นที่ของคุณเจอสภาวะโหด ๆ อย่างความร้อนจัด ความเย็นจัด สารเคมีแรง ๆ → ควรลงทุนกับ PU เพราะจะคุ้มค่าในระยะยาว

6. สรุป

พื้น Epoxy และ PU ต่างก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนที่ต่างกัน

  • Epoxy เน้นสวย เงา ประหยัด

  • PU เน้นทนทาน ยืดหยุ่น และใช้งานหนักได้จริง

ดังนั้นก่อนตัดสินใจควรดูว่า พื้นของคุณต้องการรับมือกับอะไร แล้วเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสม จะช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลาในระยะยาวครับ