ข้อต่อสายไฮดรอลิคสามารถแบ่งออกได้หลายประเภทตามลักษณะการใช้งาน, วัสดุ, และวิธีการเชื่อมต่อ โดยหลักๆ แล้วแบ่งได้ดังนี้
1. ประเภทตามลักษณะการใช้งาน
- ข้อต่อแบบถาวร (Permanent Crimp Fittings): เป็นข้อต่อที่ใช้สำหรับ ย้ำ (crimp) เข้ากับสายไฮดรอลิคอย่างถาวร ไม่สามารถถอดประกอบได้ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูงและไม่ต้องมีการถอดเปลี่ยนบ่อย
- ข้อต่อแบบถอดได้ (Reusable Fittings): เป็นข้อต่อที่สามารถ ขันย้ำ และถอดประกอบได้หลายครั้ง เหมาะสำหรับงานที่ต้องมีการถอดเปลี่ยนหรือซ่อมบำรุงบ่อยๆ
2. ประเภทตามมาตรฐานเกลียว
- ข้อต่อแบบอเมริกา (NPT/JIC/SAE): เป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอเมริกาและบางประเทศ เกลียวจะมีลักษณะเป็น องศา ที่แตกต่างกัน เช่น เกลียว NPT (National Pipe Taper) ที่เป็นเกลียวท่อแบบเรียว, เกลียว JIC (Joint Industry Council) ที่เป็นเกลียวแบบ 37 องศา, และเกลียว SAE (Society of Automotive Engineers) ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมยานยนต์
- ข้อต่อแบบยุโรป (BSP/DIN/Metric): เป็นมาตรฐานที่ใช้กันในยุโรป เกลียวมีลักษณะเป็น เกลียวตรง และ องศา ที่แตกต่างกัน เช่น เกลียว BSP (British Standard Pipe) ที่ใช้กันทั่วไปในอังกฤษ, เกลียว DIN (Deutsches Institut für Normung) และเกลียว Metric ที่ใช้หน่วยมิลลิเมตร
3. ประเภทตามรูปทรงของข้อต่อ
- ข้อต่อตรง (Straight Fittings): เป็นข้อต่อพื้นฐานที่ใช้เชื่อมต่อสายไฮดรอลิคแบบตรงๆ เข้าด้วยกันหรือเข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ
- ข้อต่อข้องอ (Elbow Fittings): เป็นข้อต่อที่มีมุมหักเลี้ยวต่างๆ เช่น 45 องศา หรือ 90 องศา เพื่อเปลี่ยนทิศทางของสายไฮดรอลิค
- ข้อต่อตัว T และข้อต่อแบบสามทาง (Tee Fittings): ใช้สำหรับ แยก หรือ รวม สายไฮดรอลิคให้ไหลไปในทิศทางต่างๆ กัน
4. ประเภทตามวัสดุ
- เหล็กคาร์บอน (Carbon Steel): เป็นวัสดุที่ใช้กันมากที่สุดเนื่องจากมีความแข็งแรงสูงและราคาไม่แพง
- สแตนเลส (Stainless Steel): มีความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง เหมาะสำหรับงานที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีหรือในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
- ทองเหลือง (Brass): ทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดีและมีน้ำหนักเบา นิยมใช้ในงานระบบแก๊สหรือระบบน้ำ
การเลือกใช้ข้อต่อสายไฮดรอลิคที่เหมาะสมจะต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น แรงดันใช้งาน, อุณหภูมิ, ชนิดของของเหลวที่ใช้, และมาตรฐานเกลียวของอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อ